คุณสมบัติของใบตองตานี
- มีผิวเป็นมัน สีเขียวเข้ม ไม่แห้งกราก
- มีความนุ่มเหนียว ไม่เปราะ ไม่ฉีกขาดง่าย มีความหนา-บางพอเหมาะ
- สีของใบตองจะไม่ตกติดอาหาร ถึงแม้จะถูกความร้อน
2. กรรไกร ขนาดและรูปร่างเหมาะมือ นํ้าหนักเบาและคมตลอดปลาย เวลาจับนิ้วทั้งหมดเข้าช่องได้พอดี ตัดใบตองใช้ขนาดใหญ่ ถ้าตัดด้ายใช้ขนาดเล็ก
3. เข็มมือ ถ้างานละเอียดชิ้นเล็กมากใช้เบอร์ 9 ถ้างานปกติใช้เบอร์ 8 เลือกที่แข็งแรง รูกว้างและตัวยาว
4. เข็มหมุด ชนิดหัวมุกใช้เล็กน้อยในบางครั้ง ใช้กลัด หรือตรึงให้อยู่กับที่ชั่วคราว ชนิดหัวเล็กใช้บ่อย ต้องเลือกตัวยาวและปลายแหลม ซื้อกล่องใหญ่ราคาถูกดีกว่ากล่องเล็ก
5. ไม้กลัด ขนาดเล็กแหลมแข็งแรง ใช้ไม้ติดผิวหรือใกล้ผิว
6. ด้าย สีเขียวเข้มหรือสีดำเบอร์ 60 ใช้สองเส้นดีกว่าเส้นเดียว เพราะใช้เส้นเดียวจะมีความคมตัดใบตองให้ขาดง่ายกว่าเส้นคู่
7. ผ้าขาวบาง สำหรับห่อใบตองที่ฉีกแล้วหรือห่อผลงานที่แช่นํ้าพอแล้ว ใช้ผ้าสาลูทบ 2 ชั้น เย็บริมคล้ายผ้าอ้อม
8. ผ้าเช็ดใบตอง ใช้ผ้าฝ้ายดีกว่าผ้าผสมใยสังเคราะห์ เพราะนุ่มและดูดซึมได้ดีกว่า
9. ยางลบอย่างแข็ง ยางลบเนื้อแข็งๆ ใช้สำหรับกดเข็มหมุดแทนนิ้วมือ นุ่มและไม่เลื่อนหลุดเวลากด
10. ไม้บรรทัด เลือกที่เห็นเส้นและตัวเลขชัดเจน
11. นอกจากนี้ บางครั้งยังต้องใช้คีม ปากคีบ ลวด กรรไกรตัดลวด มีดคัทเตอร์ วงเวียน เขียง ถาด กะละมัง ที่ฉีดนํ้าและภาชนะต่างๆ ตามแต่ความจำเป็นของแต่ละเรื่อง ควรจะเลือกให้ดีพอเหมาะทั้งขนาดและคุณสมบัติที่ต้องการ
การเตรียมและการเก็บรักษาวัสดุและอุปกรณ์
หลักการเตรียมใบตอง
ชนิดของใบตอง ควรเลือกใช้ใบตองตานี เพราะมีความนุ่มเหนียว ไม่เปราะไม่ฉีกขาดง่าย มีความหนา-บางพอเหมาะ ใบตองชนิดอื่นๆ หนาไป หรือเปราะเกินไป การห่อของเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันอาจใช้ใบตองกล้วยนํ้าว้าได้ แต่ถ้าจะประดิษฐ์สิ่งของสวยงามประณีต เช่น กระทงดอกไม้ แจกัน ฯลฯ จำเป็นต้องใช้เฉพาะใบตองตานีเท่านั้น
อายุของใบตอง ไม่ควรใช้ใบตองที่ยังอ่อนอยู่ เพราะไม่แข็งแรงเหี่ยวง่าย ฉีกขาด และชํ้ามือง่าย ไม่คงรูปทรงที่ต้องการ ใบตองที่แก่เกินไปก็ไม่ควรใช้ เพราะอายุการใช้งานสั้น เหลืองเร็ว ดังนั้นจึงควรเลือกใบตองที่มีอายุปานกลางกล่าวคือ เริ่มมีสีเขียวแก่ ใบโตเต็มที่
เวลาในการตัดใบตองจากต้น ถ้าต้องการตัดใบตองจากต้นแล้วใช้งานได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาผึ่งให้นุ่ม ควรเลือกตัดในตอนเช้าเวลาสายให้นํ้าค้างที่เกาะอยู่บนใบตองเริ่มแห้ง ในตอนเย็นแดดอ่อนๆ ใบตองที่สลบแดดในตอนที่แดดจัดนั้นเริ่มฟื้นตัวและแข็งแรงขึ้น แต่อย่ารอให้เย็นยํ่าคํ่าใกล้ขมุกขมัว เพราะนอกจากจะมองเห็นสีไม่ถนัดแล้วอาจจะเกิดมีอันตรายได้ การตัดใบตองไปรอการจำหน่ายหรือรอการใช้งานนานๆ จำเป็นต้องตัดเมื่อรุ่งเช้าหรือเช้าตรู่ เพื่อจะได้ใบตองสดกรอบ ม้วนพับไว้ได้นานๆ ไม่เหี่ยวง่าย
วิธีตัดใบตองจากต้น ควรตัดให้เหลือหูใบตอง (ส่วนใบที่โคนก้านทางใบตอง) ติดอยู่กับต้นเล็กน้อย ทั้งนี้เพื่อให้ช่วยทำหน้าที่สังเคราะห์แสงเลี้ยงส่วนก้านและกาบไม่ให้เน่าและเหี่ยวแห้ง รุงรัง ต้นผอม ถ้าตัดใบตองถูกวิธีต้นกล้วยจะดูเรียบร้อยสวยงาม ต้นอวบอ้วนสมบูรณ์ดี 140
วิธีเช็ดใบตอง ควรเฉือนใบตองออกจากก้าน และฉีกเป็นแผ่นกว้างพอจับเช็ดถนัดมือ ใช้ผ้าฝ้ายเนื้อนุ่มแห้งสะอาด เช็ดจากโคนถูไปหาปลายริ้วใบตอง ถ้ามีรอยเปื้อนเล็กน้อยเฉพาะแห่งใช้ผ้าหมาดๆ เช็ดออก ถ้าเป็นรอยติดแน่นให้ฉีกทิ้ง แต่ถ้ามีคราบฝุ่นเกาะหนาเตอะทั่วทั้งใบให้ล้างนํ้าให้สะอาด ผึ่งให้นํ้าแห้งแล้วเช็ดอีกครั้งถ้าจำเป็น ส่วนการเย็บใบตองเป็นภาชนะใส่ขนม อาหารรับประทานนั้นเมื่อเย็บเสร็จแล้วควรล้างนํ้าให้สะอาดก่อนใช้
การตัด ถ้าต้องการใช้ใบตองรูปกลมหลายๆ แผ่นในการเย็บกระทง 1-3-4-5-6 มุม สำหรับจะใส่ขนมหรืออาหาร ควรฉีกใบตองกว้างเท่าที่ต้องการหาถ้วยกลมมาทำแบบขีดรอยแล้วใช้กรรไกรตัดหรือใช้มีดคมๆ กรีดตามแบบภาชนะบนเขียง
การฉีก ควรใช้ปลายเข็มหมุดจิกแล้วฉีก ถ้ามีเล็บมือจะใช้เล็บหัวแม่มือก็ได้ ควรค่อนไปทางปลายใบเลยกลางใบไปประมาณ 1–1½ นิ้ว ชิ้นที่ใช้เป็นแบบหันหน้านวลขึ้น และใช้ชิ้นเดียวตลอดเพื่อขนาดจะได้ไม่คลาดเคลื่อน
การเก็บรักษางานใบตอง
ถ้าต้องการให้ใบตองสดทนนาน เมื่อประดิษฐ์เสร็จแล้วต้องแช่นํ้าอย่างน้อย 3 ชั่วโมง หรือ 1 คืน แล้วนำมาวางในภาชนะแล้วคลุมด้วยผ้าชุบนํ้าหมาดๆ จะอยู่ได้หลายวัน (3-5 วัน) แต่ถ้างานชิ้นไม่ใหญ่มาก นำใส่ถุงพลาสติกรัดปากถุงให้แน่น เก็บในตู้เย็นก็สามารถเก็บได้นานยิ่งขึ้น (ประมาณ 1 เดือน)
ส่วนอุปกรณ์ที่ควรดูแลเป็นพิเศษคือ กรรไกรและเข็มมือ หลังจากใช้แล้วมียางเหนียวของใบตองเกาะอยู่ ควรล้างด้วยผงซักฟอก เช็ดให้แห้งก่อนเก็บ ถ้าเก็บไว้นาน ๆ จึงหยิบใช้ ควรทาด้วยนํ้ามันจักร เพื่อป้องกันสนิม
ประวัติความเป็นมาของงานใบตอง
ตั้งแต่สมัยโบราณเป็นต้นมา มนุษย์เราก็ได้ใช้ใบตองมาห่ออาหาร ห่อขนมต่างๆ และใช้ในเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน เช่น สมัยก่อนใช้เตาถ่านรีดผ้า ก็ต้องรีดกับใบตองก่อนจะทำให้เตารีดลื่นดีขึ้น
ในด้านความสวยงาม ก็ได้มีผู้คิดประดิษฐ์ใบตองให้เป็นกระทงบายศรี ตลอดจนภาชนะใส่สิ่งของ ทำให้เกิดการวิวัฒนาการกันมาเรื่อยๆ
ไม่มีผู้ใดที่จะตอบได้ว่า “งานใบตอง” เริ่มขึ้นเมื่อใดหรือยุคใดใครเป็นผู้สอน มีหนังสือที่จะค้นคว้าได้ก็คือ พระราชนิพนธ์เรื่อง พระราชพิธี 12 เดือน ซึ่งว่าด้วยการลอยพระประทีป และบุคคลที่อ้างถึงและกล่าวขวัญกันจนติดปากก็คือ นางนพมาศ หรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ซึ่งได้คิดตกแต่งโคมลอยประดับด้วยดอกไม้หลากสีสวยงาม และยังนำผลไม้มาแกะสลักเป็นพวกนกต่างๆ เกาะตามกลีบดอกไม้แต่งด้วยธูปเทียนสวยงาม
จากสิ่งเหล่านี้ก็ได้จำฝังใจกันมาจนปัจจุบันว่าในสมัยโบราณบรรพบุรุษของเรา ได้มีความสามารถลํ้าเลิศยิ่งนักในการประดิษฐ์ดอกไม้ ใบไม้ ตลอดจนผลไม้และวัสดุอื่นๆ
เมื่อมาถึงปัจจุบันนี้ งานใบตองก็ได้ขยายวงกว้างขึ้นเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไป จนถึงชาวต่างชาติ ได้มีการจัดนิทรรศการกันตามสถานศึกษา ศูนย์การค้า ตลอดจนหน่วยงาน ราชการต่างๆ หรือกระทั่งรายการโชว์ทางโทรทัศน์ ดังนั้นผู้ที่คิดประดิษฐ์หรือสนใจในวิชานี้ ก็ได้พยายามประยุกต์และวิวัฒนาการให้เกิดเป็นหลายรูปแบบในทางสร้างสรรค์ งานใบตองก็เลยเป็นวิชาที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในสถานศึกษาและเป็นสื่อในการดึงดูดให้ชาวต่างชาติรู้จักประเทศไทยดียิ่งขึ้น เพราะงานใบตองเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศไทย
เป็นที่สังเกตได้ว่า งานฝีมือต่างๆ ต้นกำเนิดมักจะเกิดขึ้นภายในพระมหาราชวัง โดยมีการนำลูกหลานเข้าถวายตัว เพื่อเข้ารับการฝึกในศิลปวัฒนธรรมต่างๆ เมื่อออกมาแล้วก็ได้นำมาเผยแพร่หรือประกวดประชันกันต่อๆ ไป จนเป็นที่แพร่หลายในหมู่ประชากรทั่วไป
ยิ่งนานวันเข้าความสนใจในศิลปะของ “งานใบตอง” นี้จะยิ่งแพร่หลายและเติบโต ยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่าสถานศึกษาหลายระดับ ยังสอดแทรกวิชางานใบตองไว้ในหลักสูตร เพื่อเป็นการอนุรักษ์ศิลปะวัฒนะธรรมด้านงานใบตองไว้ พร้อมทั้งปลูกฝังให้เยาวชนได้ตระหนักและสามารถประดิษฐ์ชิ้นงานได
องค์ประกอบของงานใบตอง
ในการประดิษฐ์งานใบตองในรูปแบบต่าง ๆ ที่พบเห็นนั้น ในชิ้นงานมักประกอบไปด้วยหลาย ๆ ส่วน ซึ่งสามารถแยกได้เป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ ดังนี้
1. ส่วนประกอบหลัก ได้แก่ ใบตองที่พับเป็นกลีบรูปแบบต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ประกอบเป็นรูปทรงต่าง ๆ เช่น ใบตองที่พับเป็นรูปกลีบผกาซ้อน รูปกลีบเล็บครุฑ หรือ รูปหักคอม้า เป็นต้น
2. ส่วนประกอบตกแต่ง ได้แก่ ใบตองที่พับเป็นรูปต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ตกแต่งผลงานให้เรียบร้อยดูประณีต และสวยงามยิ่งขึ้น เช่น ใบตองที่พับเป็นลายนมสาว นำมาถักตะขาบ หรือพับลายกลีบลำดวน เป็นต้น
ประเภทของงานใบตอง
งานใบตองสามารถแบ่งเป็นประเภทตามลักษณะการนำไปใช้งานได้ดังนี้
1. ประเภทใช้ห่อหรือบรรจุอาหาร ซึ่งงานใบตองประเภทนี้ พบเห็นได้โดยทั่วไปในชีวิตประจำวัน ในยุคหนึ่งใบตองไม่ได้รับการนิยม เนื่องจากความทันสมัยและความสะดวกของพลาสติก แต่ปัจจุบันได้มีการรณรงค์ให้หันกลับมาใช้ชีวิตตามธรรมชาติ จึงมีการนำใบตองกลับมาใช้ในชีวิตประจำวันใหม่ งานใบตองประเภทใช้ห่อหรือบรรจุอาหาร ได้แก่ การห่อแบบต่าง ๆ กระทง ถาด และกระเช้า
- การห่อขนมและอาหาร เช่น การห่อสวม ห่อทรงเตี้ย และห่อทรงสูง ซึ่งสามารถนำไปใช้บรรจุอาหารประเภทอาหารแห้ง เช่น การห่อข้าวเหนียวหน้าต่าง ๆ ขนมใส่ไส้ ห่อหมก เป็นต้น
- กระทงใส่ขนมและอาหาร เช่น กระทงมุมเดียว กระทงสองมุม กระทงสี่มุม เราสามารถนำไปใช้บรรจุอาหารประเภทของแห้ง หรือที่มีนํ้าขลุกขลิก ได้แก่ ขนมกล้วย ขนมตาล ขนมต้มแดงต้มขาว เป็นต้น
- ถาดใบตอง ซึ่งสามารถประดิษฐ์เป็นถาดได้หลายรูปแบบ เช่น ถาดรูปกลม ถาดรูปรี ถาดรูปหัวใจ เป็นต้น โดยเย็บเป็นแบบต่าง ๆ เช่นลายเล็บครุฑ ลายกลีบผกา หรือลายผีเสื้อ เป็นต้น นำมาบรรจุอาหารหรือผลไม้ในงานเลี้ยงต่าง ๆ
- กระเช้าใบตอง ส่วนมากมักพบในโอกาสพิเศษ ใช้สำหรับบรรจุขนมไทย เพื่อนำไปกราบผู้ใหญ่ที่เคารพ เช่น กระเช้าแบบมีหูใส่ขนมไทยชนิดต่าง ๆ ตกแต่งด้วยดอกไม้สด สวยงาม เป็นต้น
2. ประเภทกระทงดอกไม้
กระทงดอกไม้มีหลายรูปแบบ ซึ่งในแต่ละแบบผู้ประดิษฐ์พยายามพัฒนาและสร้างสรรค์ได้อย่างสวยงาม กระทงทุก ๆ แบบสามารถนำไปใช้ได้หลายโอกาส เช่น
- ใช้เป็นเครื่องสักการะบูชาพระรัตนตรัย
- ใช้เป็นเครื่องสักการะพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์
- นำไปกราบลาอุปสมบท
- กราบพ่อแม่ ครูอาจารย์
- ขอขมาลาโทษ
- ชุดขันหมาก เป็นต้น
3. ประเภทกระทงลอย
กระทงลอยคือ ภาชนะสำหรับใส่ดอกไม้ ธูป เทียน สิ่งของ ที่ลอยนํ้าได้ ส่วนใหญ่ประดิษฐ์จากใบตอง ซึ่งใช้ในเทศกาลวันลอยกระทงคือ ในวันเพ็ญเดือน 12 ตามความเชื่อว่า การลอยกระทงเพื่อเป็นการขอขมาแก่แม่คงคา เพราะได้อาศัยนํ้าเพื่อดื่มกิน และใช้ในชีวิตประจำวัน
4. ประเภทบายศรี
“บายศรี คือ ภาชนะที่ตกแต่งสวยงามเป็นพิเศษ เพื่อเป็นสำรับใส่อาหาร คาว หวาน ในพิธีสังเวยบูชาและพิธีทำขวัญต่าง ๆ ทั้งพระราชพิธีและพิธีของราษฎร์” (มณีรัตน์ จันทนะผะลิน. งานใบตอง : 487)
บายศรีหลวง หรือของพระมหากษัตริย์ แบ่งเป็น 3 ชนิดคือ
1. บายศรีสำรับเล็ก
2. บายศรีสำรับใหญ่
3. บายศรีตองรองทองขาว
บายศรีที่ใช้ในพิธีของราษฎร์
บายศรีของราษฎรนั้นมีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ และแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ
1. บายศรีใหญ่ แบ่งเป็น 2 ลักษณะ
1.1 บายศรีใหญ่ เป็นบายศรีที่มีขนาดใหญ่กว่าบายศรีปากชาม โดยจัดทำใส่ภาชนะที่ใหญ่ เช่น พาน โตก หรือตะลุ่ม ซึ่งอาจมีชั้นเดียวหรือหลายชั้นก็ได้ เช่น บายศรีภาคอีสาน บายศรีภาคเหนือ เป็นต้น
1.2 บายศรีต้น บายศรีตั้ง หรือบายศรีชั้น
มีลักษณะโครงทำด้วยไม้ มีฐานล่างใหญ่ รูปกลมแบน ตรงกลางฐานใช้ไม้กลมเป็นแกนลำต้นตลอดยอด ที่แกนติดแป้นเป็นเถา ห่างเป็นระยะมี 5 ชั้น 7 ชั้น 9 ชั้น
บายศรีต้น ประกอบด้วย
- ทำตัวบายศรีด้วยใบตอง ตรึงกับไม้แป้นตามลำดับ
- ระหว่างแป้นแต่งด้วยดอกไม้ หรืองานแกะสลัก
- พุ่มดอกไม้เป็นยอดหรือบายศรี (หรือใช้บายศรีปากชาม)
- ไม้พันผ้าขาว 3 อัน ผูกขนาบให้แน่น
ประโยชน์
ใช้เป็นเครื่องบูชาเทพยดา ตามลัทธิพราหมณ์ ไม่ใช่บูชาพระ ใช้ในพิธีทำขวัญและไหว้ครู
2. บายศรีปากชาม
มีลักษณะเล็กใส่ในชามหรือขัน ประกอบด้วย
- ตัวบายศรีทำด้วยใบตองเท่า ๆ กัน 3 ตัว
- กรวยใบตองบรรจุข้าวสุกปากหม้อเต็ม 1 กรวย
- ใบตองทำเป็นแมงดา 3 ตัว
- กล้วยและแตงกวา แบ่งตามยาวของลูกอย่างละ 3 ชิ้น
- ไม้ไผ่เล็กยาวเสียบตลอดกรวย เหลือยอดเสียบไข่ต้ม ตกแต่งด้วยดอกไม้
ประโยชน์
ใช้เป็นเครื่องสังเวยเทพยดา ตั้งศาลพระภูมิ ทำขวัญเป็นประเพณีของพราหมณ์เช่นเดียวกับบายศรีต้น
วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในงานใบตอง
งานประดิษฐ์ภาชนะจากใบตอง เป็นงานประณีตใช้ฝีมือและทักษะความชำนาญของ ผู้ทำ สิ่งหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้งานออกมาดีคือ ใบตอง ซึ่งเป็นวัสดุหลัก ใบตองมีหลายชนิดแต่ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการประดิษฐ์ที่สุดคือ ใบตองจากกล้วยตานี สำหรับอุปกรณ์ในการเย็บ ใบตองแต่ละครั้งต้องเตรียมไว้ให้พร้อม จะทำให้การทำงานเร็วและราบรื่น ฉะนั้นในการเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่เหมาะสมย่อมช่วยให้การทำงานสะดวกและมีประสิทธิภาพ